รถยนต์พลังงานไฟฟ้า คืออะไร แตกต่างกับรถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างไร ?
ในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมสิ่งใหม่ๆถือเป็นปัจจัยหลักในการใช้ชีวิตในยุค 4.0 นี้ สิ่งอำนวยความสะดวกถูกคิดค้น และผลิตมากขึ้น โดยสิ่งที่ขับเคลื่อนความก้าวหน้า ความล้ำสมัย ก็หนีไม่พ้นการเดินทาง และยานพาหนะถือเป็นสิ่งสำคัญที่คนส่วนใหญ่ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเดินทางไปในที่ต่างๆ หรือการติดต่อธุระ การเข้าสังคม และการติดต่อประสานงาน เป็นต้น
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า คือ ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว หรืออาจทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาป ที่มีทั้งแบบเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน รวมถึงรถยนต์ที่ใช้ก๊าซไฮโดรเจนในการผลิตเพื่อให้เกิดพลังงานไฟฟ้า โดยพลังงานดังกล่าวจะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ก่อนถูกส่งไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อทำหน้าที่หมุนล้อในการขับเคลื่อน ซึ่งข้อดีของมอเตอร์ไฟฟ้านั้นทำให้เกิดแรงบิดทันที ส่งผลให้มีอัตราเร่งรวดเร็วและเงียบ ด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามา ทำให้รถยนต์มีการปรับแต่งพัฒนาให้มีความทันสมัย ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และด้วยปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่หันมารณรงค์การลดโลกร้อนมากยิ่งขึ้น กระแสการลดโลกร้อน รักษ์โลก การนิยมใช้สินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มาจากวัสดุ ECO รวมไปถึงรถยนต์ จึงออกมาเป็นเทคโนโลยี รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นรถยนต์ทางเลือกใหม่ ที่ได้รับความนิยม และมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดีใน ปี 2022 และก้าวไปสู่ ปี 2023 ที่กำลังจะมาถึง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วงการยานยนต์ทั่วโลกเริ่มหันมาใช้พลังงานที่สามารถผลิตได้จากธรรมชาติ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างพลังงานไฟฟ้า ซึ่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่บรรดาค่ายรถผลิตออกมาก็มีมากมายให้เราได้ใช้กัน
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ถือเป็นรถพลังงานทางเลือกใหม่
แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท
1.รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle, FCEV)
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง เป็นรถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน โดยอาศัยแหล่งพลังงานที่มาจากก๊าซไฮโดรเจน หลักการทำงานของรถประเภทนี้คือ การใช้ไฮโดรเจนเหลวที่ถูกเก็บในถังแรงดันสูง มาทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศบนแผงก๊าซเซลล์เชื้อเพลิง หรือที่เรียกว่า Fuel Cell Stack เพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้า แล้วส่งมาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ก่อนถูกส่งต่อไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อทำหน้าที่ในการขับเคลื่อน
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง เป็นรถอีกหนึ่งประเภทที่จะไม่มีการปลดปล่อยมลพิษรวมถึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจากตัวรถ แต่รถ Fuel Cell นั้นก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร เพราะรถเครื่องยนต์สันดาปภายในยังเป็นที่นิยมอยู่ อีกทั้งรถยนต์ EV ก็เป็นประเภทรถที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ รวมถึงระบบเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงก็ยังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนาให้สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นสถานีเติมไฮโดรเจนที่ยังมีน้อยไม่ทั่วถึง รวมถึงราคาของรถ Fuel Cell ที่ยังค่อนข้างสูง ซึ่งในปัจจุบัน รถยนต์ Fuel Cell จะมีผู้ผลิตรถไม่กี่รายที่หันมาเอาจริงเอาจังกับรถทางเลือกใหม่ตัวนี้ อย่างทางยุโรปก็จะมี BMW แบรนด์รถจากเยอรมนี ที่ข่าวล่าสุดเตรียมเปิดตัว BMW i Hydrogen NEXT ในช่วงปี 2022 ส่วนในฝั่งเอเชียก็จะมีค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota ที่พร้อมส่ง Toyota Mirai ลงตลาด รวมถึง Hyundai ที่จะเปิดจำหน่าย Hyundai Nexo ในช่วงปีนี้ด้วยเช่นกัน แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ทาง Honda ได้ยกเลิกสายการผลิต Honda Clarity Fuel Cell รถพลังงานไฮโดรเจนหนึ่งเดียวของทางค่ายไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเราคงจะมีตัวเลือกรถประเภทนี้มากขึ้น
2.รถยนต์พลังงานไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle, HEV)
สำหรับในบ้านเรารถยนต์พลังงานไฟฟ้าไฮบริด ถือว่าเป็นขุมพลังที่ได้รับความนิยมรองมาจากเครื่องยนต์สันดาป และถูกติดตั้งอยู่ในรถหลายเซกเมนต์ ทั้งรถขนาดเล็กไปถึงรถ SUV และรถหรู อาทิเช่น Toyota C-HR Hybrid, Toyota Corolla cross , Honda Accord Hybrid , Honda City e:HEV เป็นต้น
โดยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไฮบริด เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทกับโลกยานยนต์มานานกว่าระบบอื่น ๆ รูปแบบการทำงานจะใช้เครื่องยนต์สันดาป ทั้งเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล ทำงานผสานกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า เช่น การออกตัวระบบจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ส่วนในขณะขับขี่อยู่ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานประสานกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เชื้อเพลิงให้คุ้มค่าที่สุด แต่เมื่อเร่งความเร็วแบบกะทันหัน มอเตอร์ไฟฟ้าจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่มาเสริมกำลัง ช่วยให้เครื่องยนต์มีกำลังสูงสุดและสามารถเร่งความเร็วได้ตามความต้องการ
นอกจากนี้ยังสามารถดึงพลังงานเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ได้จากการเบรกและการลดความเร็ว เมื่อผู้ขับขี่แตะเบรก มอเตอร์ไฟฟ้าจะเปลี่ยนไปทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดพลังงาน และแปลงพลังงานจลน์ที่เกิดจากการเบรกเป็นกระแสไฟฟ้า เพื่อชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าไปในแบตเตอรี่ ทั้งนี้ เมื่อรถติด หรือรถหยุดนิ่ง ถ้ารถมีแบตเตอรี่มากพอ เครื่องยนต์จะดับเพื่อลดการใช้น้ำมันและการปล่อยควันพิษ ด้านระบบของตัวรถจะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ในอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ไฟหน้ารถ แอร์รถยนต์ เครื่องเสียง เป็นต้น
3.รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle, BEV)
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ BEV เป็นรถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว หรือผู้คนทั่วไปจะรู้จักกันในชื่อรถยนต์ EV (Electric Vehicle) ไม่มีเครื่องยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่หมุนล้อ โดยได้พลังงานมาจากแบตเตอรี่ซึ่งมาจากการอัดประจุไฟฟ้าจากภายนอกเท่านั้น ดังนั้นเมื่อแบตเตอรี่หมดไฟลงจะต้องทำการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จประจุไฟเติมเข้าไปใหม่ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่จะเป็นรถที่ไม่มีการปลดปล่อยมลพิษและคาร์บอนไดออกไซด์
รถยนต์ EV เป็นประเภทรถที่กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ของโลกยุคใหม่ไปแล้ว โดยเฉพาะในเมืองไทยมีผู้ผลิตรถยนต์หลายเจ้าเปิดตัวรถรุ่นนี้ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบรถขนาดเล็ก, รถซีดาน 4 ประตู, SUV, MPV ไปจนถึงรถสปอร์ต อาทิ Nissan Leaf, MG ZS EV, Hyundai IONIQ EV, BMW i3, Kia Soul EV, BYD E6, Audi e-tron, MINI Cooper SE และ Porsche Taycan
4.รถยนต์พลังงานไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Vehicle, PHEV)
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด เป็นรถยนต์ประเภทที่รวมหลายระบบเข้ามาทำงานผสานกัน ทั้งระบบน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ทำงานรวมกับมอเตอร์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับระบบไฮบริด แต่รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดจะมีระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟจากภายนอก หรือเรียกว่า Plug-in ทำให้เมื่อเสียบชาร์จไฟแล้ว ตัวรถสามารถวิ่งไปได้ในระยะทางที่มากกว่าระบบไฮบริดเพียว ๆ นอกจากนี้ในส่วนแบตเตอรี่ที่ใช้ ยังสามารถชาร์จไฟเพิ่มเพื่อกักเก็บประจุได้ตามต้องการ และเมื่อแบตเตอรี่หมดลง ระบบก็จะตัดกลับมาให้เครื่องยนต์ทำงานเหมือนกับปกติ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการประหยัดเชื้อเพลิง รวมถึงยังสามารถช่วยแจกจ่ายพลังงานออกสู่ภายนอกตัวรถอีกด้วย
ซึ่งเมื่อก่อนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดจะถูกติดตั้งอยู่ในรถหรูราคาแพงอย่าง Mercedes, BMW หรือ Audi แต่ในปัจุบันนี้ รถปลั๊กอินไฮบริดถูกติดตั้งในรถหลายเซกเมนต์ และมาในราคาที่จับต้องได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น Mitsubishi Outlander PHEV และ MG HS PHEV เป็นต้น
โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่ยังมีความลังเลระหว่าง
รถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิง หรือรถยนต์ไฟฟ้า แบบไหนที่ตอบโจทย์และตรงใจมากกว่ากัน
ไม่ต้องกังวลกันอีกต่อไป เพราะใน ข้อดี - ข้อเสีย ของ รถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิง และ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ต่างก็มีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ การใช้งานของผู้ใช้รถนั้นเน้นจุดใดเป็นสำคัญ หากเน้นการขับขี่ในระยะทางใกล้ ๆ ประหยัดค่าใช้จ่าย รถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว แต่หากเน้นการขับขี่ทางไกล และคำนึงถึงความสะดวกรวดเร็วเป็นหลัก ในส่วนของรถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิง ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า และคุ้มค่ามากกว่า แน่นอน
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่แตกต่างออกไปจากที่เคยมี โดยเปลี่ยนได้ไม่มีซ้ำ ขอแนะนำ!
บริการ เช่ารถขับเองราคาถูก JT CARRENT บริการรถเช่า เช่ารถขับเอง
เช่ารถกรุงเทพ และปริมลฑล ออกต่างจังหวัดได้
เช่าง่าย ไม่ยุ่งยาก เช่ารถไม่ง้อบัตรเครดิต อายุ20ก็สามารถเช่ารถได้
มีบริการ รับรถ-ส่งรถ ฟรี!! สนามบินดอนเมือง หรือพื้นที่ใกล้เคียง
รถใหม่ป้ายแดง ราคาไม่แรงสบายกระเป๋า เช่ารถง่ายสบายใจไปกับเรา
Tel : 087-5993621
LINE : @CARRENT_JT
www.jtcarrent.com