ได้เห็นโพสต์ของคนทำงานโทรทัศน์โดนเลิกจ้าง เนื้อความบ่งบอกถึงความจงรักภักดีต่อองค์กร ที่พร้อมทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ แต่กลับถูกตบหน้าดังฉาดด้วยการเชิญออก 😟
สภาพเศรษฐกิจคือปัญหาหลักก็จริง แต่ส่วนประกอบอื่นก็มีอีกมากมายเช่น
-คนดูทีวีน้อยลง ไอ้ที่เปิดก็เปิดไม่ให้มันเงียบเหงาซะส่วนใหญ่
-ช่องเยอะ คนทำงานเยอะ เข้าสู่สภาวะเฟ้อ
-สื่อออนไลน์ เข้ามาถล่ม เพราะมันเจาะตรงถึงกลุ่ม เข้าถึงทุกวัย และใช้งานง่าย แถมการันตีในยอดผู้ชมได้สะดวก
แต่ก่อนเคยเชื่อเสมอว่าการเติบโตในองค์กรใหญ่ จะทำให้ครอบครัวภูมิใจในสิ่งที่เราทำได้ง่าย แต่พอดีดันเป็นคนที่พยายามแล้ว แต่ไปไม่ถึงฝั่ง เลยกลายเป็นพวกวิถีเซนไประยะหนึ่ง คือใครอยากเป็นใหญ่เป็นโตก็เชิญเถอะ ผมไม่เอาด้วยหรอก (แล้วก้มหน้าเขียนหนังสือแทน) 😁
จังหวะที่ประกาศแบบนั้น กลายเป็นแบบโดนทั้งขึ้นและล่อง ครอบครัวไม่เข้าใจแนวคิดนี้ไปพักใหญ่ ขนาดว่าจะจีบหญิง ก็ยังโดนประเมินในเรื่องนี้ และลงท้ายด้วยการปฏิเสธไป เข้าใจแหละว่าใคร ๆ ก็อยากมีหน้ามีตาเป็นเรื่องปกติ 😔
แต่พอได้เห็นการโดนเลิกจ้างที่ไวกว่าสายฟ้าของธอร์พุ่งลงมา ก็เป็นการบ่งชี้ว่าการจงรักภักดีต่อองค์กรนั้นทำได้ แต่ไม่ใช่ทุ่มกายถวายตัว (แต่ถ้าให้เงินเดือนละแสน อันนี้ก็ยกเว้นไป) เพราะเมื่อขึ้นอยู่จุดสูงสุดของต้นไผ่ ลมแรงเมื่อไหร่ มันก็รับน้ำหนักไว้ไม่อยู่จนหักโค่นลงมาได้ และนั่นจะเป็นการตกลงมาที่เจ็บหนักเลยล่ะ 🤤
วางแผนสำรองให้ตัวเองเสมอ แม้มันจะดูเยอะ แต่มันก็ย่อมดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย เพราะเก้าอี้บินเมื่อไหร่แล้วดันไม่ได้คาดเข็มขัด นรกของจริง
ปล.ถ้าไม่ผิดพลาด อีกสามปีก็ชิงโบยบินเช่นกัน